วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554

GIS A Computerized database management system

GIS A Computerized database management system
       " GIS A Computerized database management system for capture storage retrieval analysis and display of spatial  ( locationally defined ) data
" ( NCGIA : National Center Geographic Information and Analysis, 1989 )

GIS การจัดการฐานข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์สำหรับจับภาพ  การดึง  การวิเคราะห์ 
 เรียกข้อมูล    การวิเคราะห์และการแสดงเชิงพื้นที่ (ตามที่กำหนดทางพื้นที่)
"(NCGIA : ศูนย์สารสนเทศภูมิศาสตร์และการวิเคราะห์แห่งชาติ 1989)

  National center for Geographic Information and Analysis (NCGIA)
     ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา   เทคโนโลยีด้านระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ได้เจริญเติบโตขึ้นอย่างมาก หน่วยงานจำนวนนับไม่ถ้วนนำเอาระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ไปประยุกต์ใช้   ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเช่นนี้เป็นผลให้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เป็นเทคโนโลยีที่เจริญเติบโตเร็วที่สุด   ในบรรดาเทคโนโลยี    ที่นำคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้งาน
       เหตุผลที่ทำให้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เจริญเติบโตได้รวดเร็วนั้น    อาจเป็นเพราะว่าเทคโนโลยีนี้นำไปประยุกต์ใช้ได้ผลในงานต่าง ๆ มากมาย   แล้วก็เกิดขึ้นในช่วงที่มีความต้องการอย่างรุนแรงด้วย       จะเห็นได้ว่าปัจจุบันการจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่กำลังประสบอยู่       ทุกหนแห่ง  อันที่จริงสารสนเทศที่ต้องการการจัดการอย่างถูกวิธีเกือบทั้งหมดในโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ ล้วนแล้วแต่มีรูปลักษณะเชิงพื้นที่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว   สิ่งที่เราทั้งหลายทำก็เพียงนำเอาเทคโนโลยีนี้มาเพื่อช่วยตอบปัญหาต่าง ๆ ซึ่งกำลังเป็นที่สงสัยกัน   การจะดูว่าเทคโนโลยีใดใช้งานได้ผลก็คงจะเป็นตอนที่มี       การนำเอาเทคโนโลยีนั้นไปใช้งานจริง    บางทีการนำเอาระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์นี้ไปใช้ช่วงสงครามคูเวตที่เพิ่งผ่านไป อาจจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนี้ได้อย่างดีที่สุด   การทดสอบที่มีชีวิตเป็นเดิมพันเช่นนี้ คงพอจะเป็นตัวชี้ให้เห็นชัดถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยีระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
นอกจากประเทศต่าง ๆ มากมายจะเห็นถึงคุณประโยชน์ของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์นี้แล้ว ยังมีหน่วยงานอื่นอีกหลายหน่วยงานที่เห็นถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้และได้นำไปใช้แล้ว   มีการจัดตั้งศูนย์วิจัยด้านระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ระดับชาติขึ้นถึง 3 แห่งได้แก่  ในประเทศแคนาดา     (Institute for GIS in Education, IGISE) ในอเมริกา (National Center for Geographic Information and Analysis, NCGIA) และในอังกฤษ (RRL, Regional Research Laboratories) เพื่อทำหน้าที่ในการเผยแพร่เทคโนโลยีในด้านนี้
สำหรับในประเทศไทย เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันหน่วยงานต่าง ๆ มีความตื่นตัวอย่างมากในการนำเอาเทคโนโลยีระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ไปใช้   แม้จะรู้ว่ามีประโยชน์ต่อการพัฒนาที่กำลังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องของประเทศ   การจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างที่กล่าวนั้น ยังคงต้องการความช่วยเหลือและคำแนะนำที่ดี    สถานะของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ในประเทศไทยยังอยู่เพียงช่วงเริ่มต้นเท่านั้น     การจะปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่บกพร่องอยู่ยังเป็นไปได้ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ได้มีการจัดทำแผนแม่บท เพื่อใช้เป็นแนวทางในการนำเทคโนโลยีระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์มาใช้ในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้    การศึกษาโครงการจัดทำแผนแม่บทระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์แห่งชาติ โดยจะกล่าวถึงแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี ไว้ในรายงานฉบับนี้
ในการจะวางแผนให้หน่วยงานใด จะต้องพิจารณาว่าแผนที่ออกมานั้นหน่วยงานจะยอมรับและนำไปปฏิบัติได้หรือไม่   เป็นการยากที่จะได้รูปแบบของหน่วยงานอย่างที่ต้องการทุกประการ   องค์ประกอบของเศรษฐกิจโดยรวมเป็นสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการจัดรูปแบบของหน่วยงาน   รัฐบาลสามารถรองรับความต้องการนั้นได้หรือไม่   คำถามยังคงมีต่อในกรณีที่มีการเปลี่ยนคณะผู้บริหาร ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายในการดำเนินงานของหน่วยงานนั้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนที่รอบคอบ   เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินการ โดยมีการกำหนดหน้าที่หลักของหน่วยงานให้มีบทบาทที่เด่นชัด
รูปแบบที่มีการนำมาปฏิบัติคือ ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการเผยแพร่เทคโนโลยีมีลักษณะเป็นศูนย์        ศูนย์สามารถจะ ควบคุม กิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งด้านวิจัย ดำเนินการ การจัดสรรงบประมาณ              การประสานงาน และอื่นๆ ได้ทั้งหมด แม้จะมีข้อดีอยู่หลายประการ   แต่การจัดหน่วยงานในลักษณะของศูนย์แบบนี้ก็ยังมีข้อเสียคือจะมีการดึง อำนาจ ที่เคยเป็นของหน่วยงานภายใต้ดำเนินการในข้อมูลต่างๆ มารวมอยู่ที่ศูนย์   ซึ่งไม่เป็นที่พึงปรารถนาของหน่วยงานใดๆ ทั้งสิ้น
รูปแบบอีกอย่างที่อาจจะเหมาะสมกับลักษณะของคนไทย   คือ การเจรจาสร้างความตกลงร่วมกันของทุกๆ หน่วยงาน ซึ่งนับว่าสำคัญมากในการทำงานแบบเครือข่ายที่ให้ความสำคัญงานต่างๆ เท่าเทียมกัน ผลที่ออกมาจะอยู่ในลักษณะของความร่วมมือกันมากกว่าเป็นของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งจะสามารถตอบสนองต่อกลุ่มผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีและเข้าใจการทำงานในทุกๆ ขั้นตอนอย่างแจ่มชัด
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดที่ได้กล่าวมาแล้ว จะเห็นได้ว่าสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับหน่วยประสานงานหลัก ควรจะอยู่ภายใต้กระทรวงที่มีหน้าที่ในการเผยแพร่เทคโนโลยี กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพลังงาน (Ministry of Science, Technology and Energy - MOSTE) มีนโยบายและบทบาทที่ชัดเจนเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานต่างๆ ฉะนั้นแล้วจึงเป็นสถานที่น่าจะเหมาะสมที่สุด
 อ้างอิงจาก
http://www.tdri.or.th/n17_abs.htm


 

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ฐานข้อมูลและจัดการฐานข้อมูล
      ระบบจัดการฐานข้อมูล คือ ระบบโปรแกรมที่มีความสามารถในการจัดการข้อมูลใน ด้านต่างๆ ได้แก่ การให้คำจำกัดความของข้อมูลและเรคคอร์ด การกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างฟิลด์ต่าง ๆ ในเรคคอร์ดการจัดการประมวลผล ปรับเปลี่ยนแก้ไขข้อมูล และจัดการกำหนดควบคุมการใช้ข้อมูลอย่างมีระบบ
        จุดมุ่งหมายสำคัญของระบบจัดการฐานข้อมูลจำแนกออกได้เป็น 2 ด้าน คือ เพื่อจัดการควบคุมและสนับสนุน        การใช้งานขององค์กรอย่างเป็นระบบ
Database

         ฐานข้อมูล (Database) เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบงานที่นำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการปฏิบัติงาน เช่น งานทางด้านวิศวกรรม การแพทย์ การศึกษา วิทยาศาสตร์และงานด้านธุรกิจ เป็นต้น ถ้าพิจารณาความหมายของข้อมูล (Data) ก็จะพบว่าข้อมูล หมายถึง ความจริงที่เกี่ยวกับสิ่งของ มนุษย์ และเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อนำมาเก็บรวบรวมไว้ เราจึงสามารถกล่าวได้ว่า ฐานข้อมูล (Database) คือ การจัดเก็บข้อมูลอย่างมีระบบ ซึ่งผู้ใช้สามารถเรียกใช้ข้อมูลในลักษณะต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การนำข้อมูลมาแก้เพิ่มเติม
 การลบข้อมูล การเรียกข้อมูล เป็นต้น

     ข้อมูล (Data) หมายถึง ความจริง (fact) ซึ่งสามารถบันทึกไว้ได้ และมีความหมายอยู่ในตัว
       ข้อมูลถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของระบบงานคอมพิวเตอร์ เนื่องจากการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ทุกประเภทจะเป็นการประมวลผลข้อมูลในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการออกมา หากข้อมูลที่ป้อนให้คอมพิวเตอร์ผิด ผลลัพธ์ที่ได้จากคอมพิวเตอร์ก็จะไม่มีคุณค่าอะไรเลย หรือที่เรียกว่า ป้อนขยะเข้าย่อมได้ขยะออกมา                     (garbage in - garbage out

       ระบบการจัดการฐานข้อมูลหรือ DBMS (Database Management Systems) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นผู้จัดการฐานข้อมูลนั่นเอง โปรแกรมประเภทนี้มีการผลิตออกมาหลายระบบด้วยกัน แต่ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักกันดีคือ ระบบการจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์หรือ RDBMS (Relational Database Management System) เช่น Oracle, Sybase, Microsoft SQL Server, Microsoft Access, MySQL เป็นต้น
ลักษณะของ DBMS
     
ระบบการจัดการฐานข้อมูลหรือ DBMS จะอำนวยความสะดวกกับผู้ใช้ คือสามารถใช้งานได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องทราบถึงโครงสร้างทางกายภาพของข้อมูลในระดับที่ลึกมากเหมือนกับการเขียนโปรแกรมของโปรแกรมเมอร์ ระบบดังกล่าวจะยอมให้ผู้ใช้กำหนดโครงสร้างและดูแลรักษาฐานข้อมูลได้เป็นอย่างดี และยังสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลในส่วนต่างๆตามระดับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนด้วย เราอาจพบเห็นการใช้งาน DBMS สำหรับการจัดการฐานข้อมูลได้ในองค์กรธุรกิจโดยทั่วไป เช่น ระบบข้อมูลลูกค้า ระบบสินค้าคงคลัง ระบบงานลงทะเบียน ระบบงานธุรกรรมออนไลน์
     DBMS
เป็นเหมือนตัวกลางที่ยอมให้ผู้ใช้เข้าค้นคืนข้อมูลได้โดยมีเครื่องมือสำคัยคือ ภาษาที่ใช้จัดการกับข้อมูลโดยเฉพาะเรียกว่า ภาษาเรียกค้นข้อมูล หรือ ภาษาคิวรี่ (query language) ซึ่งประกอบด้วยคำสั่งสำหรับเรียกใช้ข้อมูล แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูล และยังสามารถนำไปใช้ร่วมกับการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ทางด้านฐานข้อมูล (Database application) ได้เป็นอย่างดี
        ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System นิยมย่อว่า GIS ) คือ กระบวนการทำงานเกี่ยวกับ ข้อมูลเชิงพื้นที่ (spatial data) ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยการกำหนดข้อมูลเชิงบรรยาย (attribute data) และสารสนเทศ เช่น ตำแหน่งที่อยู่ เลขที่อาคาร รูปแบบแปลงที่ดิน ที่มีความสัมพันธ์กับตำแหน่งในเชิงพื้นที่ เช่น ตำแหน่ง เส้นรุ้ง เส้นแวง ในรูปของ ตารางข้อมูล และ ฐานข้อมูล       ระบบ GIS ประกอบด้วยชุดของเครื่องมือที่มีความสามารถในการเก็บรวบรวม รักษาและการเรียกค้นข้อมูล เพื่อจัดเตรียม ปรับแต่ง วิเคราะห์และแสดงผลข้อมูลเชิงพื้นที่ (Spatial Data) เพื่อให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ซึ่งรูปแบบและความสัมพันธ์ของข้อมูลเชิงพื้นที่ทั้งหลาย จะสามารถนำมาวิเคราะห์ด้วย GIS ให้สื่อความหมายในเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์กับช่วงเวลาได้ เช่น
• การเปลี่ยนแปลงของการใช้พื้นที่
การแพร่ขยายของโรคระบาด
• การบุกรุกทำลายป่า หรือแหล่งน้ำ หรือพื้นที่ภูเขา
การใช้ประโยชน์ที่ดิน และโครงข่ายคมนาคมขนส่งของเมือง

       ข้อมูลเหล่านี้ เมื่อปรากฏบนแผนที่ทำให้สามารถแปล สื่อความหมาย และนำไปใช้งานได้ง่าย ข้อมูลใน GIS ทั้งข้อมูลเชิงพื้นที่และข้อมูลเชิงบรรยาย สามารถอ้างอิงถึงตำแหน่งที่มีอยู่จริงบนพื้นโลกได้โดยอาศัยระบบพิกัดทางภูมิศาสตร์ (geocode) ซึ่งจะสามารถอ้างอิงได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ข้อมูลใน GIS ที่อ้างอิงกับพื้นผิวโลกโดยตรง หมายถึง ข้อมูลที่มีค่าพิกัดหรือมีตำแหน่งจริงบนพื้นโลกหรือในแผนที่ เช่น ตำแหน่งอาคาร ถนน ฯลฯ สำหรับข้อมูล GIS ที่จะอ้างอิงกับข้อมูลบนพื้นโลกได้โดยทางอ้อมได้แก่ ข้อมูลของบ้าน (รวมถึงเลขที่บ้าน ซอย เขต แขวง จังหวัด และรหัสไปรษณีย์) โดยจากข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ เราสามารถทราบได้ว่าบ้านหลังนี้มีตำแหน่งอยู่ ณ ที่ใดบนพื้นโลก เนื่องจากบ้านทุกหลังจะมีที่อยู่ไม่ซ้ำกัน







อ้างอิงจาก
http://www.siamgis.com/features
http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type2/tech04/22/cit/6_6.html
http://tsl.tsu.ac.th/file.php/1/courseware/aa_2/lesson04/lesson4-6.htm
http://cptd.chandra.ac.th/selfstud/Database/main.htm